Last updated: 5 ต.ค. 2562 | 3138 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนที่กำลังมองหาบ้านมือสอง คงกำลังลังเล ปวดหัว มึน ๆ กับการเลือกว่าจะเลือกหลังไหนดี
เรามีข้อแนะนำเบื้องต้นสำหรับคนที่กำลังเลือกซื้อบ้านมือสองดังนี้ครับ
1. ทำเล
การเลือกทำเลสำหรับบ้านมือสองที่เราจะซื้อ แน่นอนก็คงต้องเลือกทำเลที่เรามีอยู่ในใจ เพราะทำเลที่เราเลือกไว้คงมีเหตุผลประกอบที่เหมาะสมสำหรับตนเองอยู่แล้ว
แต่หากยังไม่มีทำเลในใจ หรือกำลังลังเลว่าจะเลือกที่ไหนดี ก็อาจสามารถเลือกทำเลได้จากองค์ประกอบดังนี้
1) ที่ทำงาน หากเราต้องเข้างานในช่วงเวลาเช้าหรือช่วงที่จราจรติดขัด และเป็นเวลาที่กำหนดแน่นอนไม่สามารถยืดหยุ่นได้มากนัก เราอาจจะเลือกทำเลที่ใกล้ที่ทำงานเพื่อประหยัดเวลา และช่วยไม่ให้เราเหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วย(หากจะเลือกทำเลที่ใกล้ที่ทำงานต้องมั่นใจด้วยนะว่าเราจะทำงานที่นี่ต่อไปอีกนาน)
2) สาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น การเข้าถึงน้ำประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ รวมถึง Internet ด้วยนะ
3) การเดินทาง ทำเลที่เราจะเลือกนอกจากรถยนต์ส่วนตัว ยังสามารถเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวกไหม มีรถสาธารณะผ่านมากน้อยขนาดไหน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ท่าเรือ หรือไม่ รวมทั้งการจราจรในบริเวณดังกล่าวก็สำคัญ
4) อยู่ใกล้สถานที่สำคัญหรือไม่ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ตลาด มินิมาร์ท เป็นต้น
5) อนาคตของทำเล ดูทำเลที่จะเลือกว่ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ แนวโน้มในอนาคตจะคงเดิม เปลี่ยนแปลง เสื่อมโทรมลง เจริญขึ้นเช่นไร
สุดท้ายอย่าลืมตรวจสอบว่าทำเลบ้านที่จะซื้อในอนาคตจะถูกเวนคืนหรือไม่ โดยตรวจสอบได้กับกรมทางหลวง การทางพิเศษ หรือเขตพื้นที่
2. สภาพแวดล้อม
นี่คือข้อดีของการเลือกซื้อบ้านมือสองเลยครับ ซึ่งก็คือการที่เราจะได้เห็นสภาพแวดล้อมจริงของบ้านที่เราจะซื้อ โดยสภาพแวดล้อมที่ต้องพิจารณาก็เช่น เพื่อนบ้าน(สำคัญมาก) สถานที่บริเวณรอบ ๆ มีแหล่งมั่วสุม โรงงาน มีมลภาวะทาง กลิ่น เสียง แสงหรือไม่ รวมถึงความถี่การเกิดอาชญากรรมในพื้นที่ด้วย
3. ราคาและเงื่อนไขเงินกู้ที่สนับสนุน
ก่อนตัดสินใจซื้อควรเปรียบเทียบราคากับบ้านบริเวณใกล้เคียงกัน(ถ้าเป็นหมู่บ้านจะเปรียบเทียบได้ง่ายกว่า) เปรียบเทียบจากราคาประเมินของกรมที่ดินและธนาคาร และอาจขอต่อรองราคาจากผู้ขายด้วย รวมทั้งบ้านมือสองที่มีเงื่อนไขเงินกู้สนับสนุน เช่น สามารถกู้ได้เต็มจำนวน อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด เป็นต้น
4. สภาพบ้าน
ข้อนี้ถือเป็นส่วนที่สำคัญมาก ๆ เพราะหากตัดสินใจผิดพลาดขาดการตรวจสอบอย่างละเอียดอาจจะทำให้เราต้องเจอปัญหาปวดหัวจุกจิกกวนใจ เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกมากในอนาคต ฉะนั้นเราอยากให้เน้นกับการตรวจสอบสภาพบ้านโดยมีข้อแนะนำดังนี้
1) โครงสร้าง
ตรวจสอบรอยร้าวที่โครงสร้างหลัก เช่น เสา คาน พื้น หรือ รอยร้าวบนผนังที่เป็นแนวยาวผิดสังเกตุ ดูร่องรอยของการทรุดตัวว่ามีหรือไม่ ขอดูแบบแปลนเดิมของบ้าน ซึ่งจะทำให้เรารู้ได้ว่าบ้านที่เราจะซื้อนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด มีการดัดแปลงต่อเติมที่อาจทำให้เกิดปัญหากับตัวบ้านในอนาคตหรือไม่
2) พื้น
สำหรับบ้านมือสองที่เป็นพื้นไม้ ตรวจสอบการยืดหด บิดแอ่นของไม้ มีการผุ แตก หรือเสียหายจากความชื้นที่ส่วนไหน สารเคลือบผิวไม้เสื่อมอายุหรือยัง หากเป็นกระเบื้อง หินอ่อน หินแกรนิต อาจไม่ค่อยจะมีปัญหาเท่าไหร่ให้ตรวจดูรอยแตกร้าว การปูด โก่งตัว คราบสกปรก ว่ามากน้อยขนาดจำเป็นต้องเปลี่ยนหรือไม่
3) ผนังเพดาน
ดูผนังว่ามีร่องรอยการหลุดลอกของสีทั้งภายในภายนอกมากน้อยขนาดไหน บนฝ้าและผนังมีร่องรอยการรั่วซึมของน้ำ มีจุดที่โป่งพองหรือป่าว
4) ระบบประปา
ตรวจสอบท่อน้ำประปา ท่อน้ำเสีย มีการรั่วซึม อุดตันหรือไม่ เมื่อปิดก๊อกน้าทุกจุดแล้ว มิเตอร์น้ำยังคงหมุนอยู่หรือป่าว หากยังมีการหมุนอยู่ให้สันนิฐานว่าอาจมีการรั่วซึมได้
5) ระบบไฟฟ้า
ไฟทุกจุดในบ้านสามารเปิด - ปิดได้ปกติ ปลั๊กไฟ สายไฟอยู่ในสภาพใช้งานได้หรือไม่ รวมถึงมีระบบ safety มั้ย
6) ปลวก
อีกหนึ่งข้อที่ไม่ควรมองข้ามเพราะบ้านมือสองหลายหลังที่ประกาศขายอยู่นั้น อาจถูกปล่อยทิ้งไว้หรือไม่มีผู้อยู่อาศัยมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกบุกรุกจากปลวกหรือแม้แต่บ้านที่มีคนอยู่ตลอดก็อาจไม่รอดเช่นกัน ซึ่งการที่บ้านถูกบุกโดยเจ้าปลวกจอมทำลายนั้นมีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายมากถึงขนาดกระทบกับโครงสร้างได้เลย และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการแก้ปัญหา ฉะนั้นควรตรวจสอบว่ามีร่องรอยของปลวกภายในบริเวณบ้าน บ้านหลังนั้นมีระบบหรือได้ดำเนินการป้องกันปลวกไว้หรือไม่ เช่น มีท่อสำหรับอัดน้ำยาป้องกันปลวก ติดตั้งระบบสถานี หรือมีการฉีดพ่นสารป้องกันอยู่ประจำ
โดยอาจสอบถามหรือขอดู Certificate ของบริษัทที่บริการป้องกัน กำจัดปลวก จากเจ้าของเก่าก็ได้
*แม้จะไม่เจอร่องรอยหรือดำเนินการกำจัดปลวกที่พบแล้ว ก่อนย้ายเข้าควรต้องแน่ใจว่าบ้านไม่มีปลวก และดำเนินการป้องกันแล้ว เพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหายกับเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ตัวบ้าน ในอนาคต
หลังจากตรวจสภาพบ้านแล้ว แนะนำให้เราประเมินเบื้องต้นว่าบ้านหลังนี้ต้องดำเนินการซ่อมแซมหรือปรับปรุงส่วนไหน มีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ และนำไปบวกกับราคาขายของบ้านเพื่อประเมินความคุ้มค่าต่อไปครับ
9 ก.พ. 2564
18 ก.พ. 2564
27 ก.พ. 2564
15 พ.ค. 2566